เขี้ยวเสือหลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตำนานเหนือกาลเวลา
ของขลัง เขี้ยวนับว่าเป็นเครื่องราง ของอาคมเครื่องราง ที่ได้รับความนิยมสูงสุดชนิดหนึ่ง จากเครื่องรางยอดนิยมทั่วๆไปเครื่องรางที่สร้างจากเขี้ยวสัตว์นั้นส่วนใหญ่จะเน้นเขี้ยวเสือเขี้ยวหมีและเขี้ยวหมูป่าเป็นหลัก เขี้ยวเสือตามความเชื่อนั้นเหลือเป็นสัตว์ที่มีอำนาจ เขี้ยวเสือแท้ ที่นำมาทำเครื่องรางนั้นจะเป็นของเสือโคร่งแต่ที่หายากมากที่สุดจะเป็นเขี้ยวเสือไฟ โบราณกล่าวไว้ว่าเสือไฟเป็นเทวดามาเกิดในร่างเสือมีทั้งขนาดเล็กและใหญ
ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของตัวเสือ เขี้ยวจะยาวเรียวปลายแหลมคมโค้งพอประมาณดูจากลาย เขี้ยวจะเห็นเป็นเหลี่ยมเป็นร่องเล็กๆอยู่ เป็นแนวร่องเข้ามายังตัวเขี้ยวชัดเจน เราเรียกกันว่าร่องเส้นเลือด ประเภทของเขี้ยวเสือนั้นแบ่งได้เป็น 3 ประเภท แบบตันเป็นแบบธรรมดาทั่วไปของเสือทุกตัวพิเศษขึ้นมาหน่อย และหายากกว่าจะเป็นแบบกรวงลักษณะข้างในจะเป็นรู 100 ตัวจะเจอสัก 2-3 ตัวและสุดท้ายหายากยิ่งกว่าคือโปร่งฟ้า จะบางกว่าแบบกลวงมากพอกับเปลือกไข่เลยก็ว่าได้พุทธคุณคงไม่ต้องพูดถึงครอบจักรวาล และเขี้ยวเสือที่ผู้คนนับถือคือ เขี้ยวเสือแท้ หลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย ที่จะกล่าวต่อไปนี้
เขี้ยวเสือหลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย เกจิอาจารย์ กับวัตถุมงคลแห่งศรัทธา
หลวงพ่อปานวัดมงคลโคธาวาสหรือวัดบางเหี้ย ชื่อวัดคลองด่าน เป็นชาวคลองด่านโดยกำเนิดเกิดในปีพุทธศักราช 2371 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 บิดาชื่อปลื้มมารดาชื่อ บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 15 ปี ที่สำนักวัดอรุณราชวราราม และอุปสมบทโดยมีพระศรีศากยมุนีเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐานรวมถึงไสยศาสตร์ เครื่องรางขลังๆ นอกจากนี้ท่านยังได้สนใจในกรรมฐานเป็นอย่างมาก
ท่านได้รับการถ่ายทอดจากพระคณาจารย์หลายองค์จนเชี่ยวชาญ พวกพุธคุณ โดยเฉพาะหลวงปู่แดงเจ้าอาวาสวัดอ่างศิลา จังหวัดชลบุรี พระเกจิอาจารย์ผู้แก่กล้าเรื่องกรรมฐานและมนต์คาถาต่างๆ หลังจากนั้นท่านได้เดินทางกลับมาที่วัดมงคลโคธาวาสได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส ในเวลาต่อมาเครื่องรางของขลังของหลวงพ่อปาน ที่นับว่าเป็นเครื่องรางยอดนิยมของคนรุ่นเก่าคู่กับเบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง ซึ่งมีความขลังเป็นที่เลื่องลือทั่วไป ก็คือ เขี้ยวเสือแท้ ของหลวงพ่อปาน
เขี้ยวเสือหลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย เกจิอาจารย์ กับตำนานวัตถุมงคลแห่งศรัทธา
เขี้ยวเสือแท้ ของหลวงพ่อปานนั้นท่านจะแกะจากเขี้ยวเสือโคร่งแล้วลงเหล็กจารด้วยตัวเองปลุกเสก โดยใส่พระคาถาหัวใจเสือโคร่ง ลูกศิษย์ลูกหาได้ยินท่านท่อง วาวาพยัคโฆพยัคฆาสุญญะ สันติ ช่างที่แกะเสือเป็นศิษย์ของท่านด้วยกันทั้งหมด 5 คน แต่ละคนก็จะแกะไม่เหมือนกันซะทีเดียวและมีขนาดไม่ใหญ่มากนักนั่งปากเม้มสนิท ตากลม ขาหน้าทั้งสองใหญ่ เล็บจิกลงบนพื้น ถ้าเป็นต่างจังหวัดก็จะมีช่างแกะคอยเวลาหลวงพ่อปานไปธุดงค์ก็จะให้ปลุกเสก
ประการสำคัญ เขี้ยวเสือแท้ ให้ดูรอยจารใต้ฐานท่านมักจารเองเป็นนักบวชที่เรียกกันว่ายันต์กอหญ้า และ ตัวฤฤา ลักษณะที่บ่งบอกเอกลักษณ์ในปัจจุบันก็คือ เสือหน้าแมวหูหนูตราลูกเต๋า ยันต์กอหญ้า ซึ่งมีทั้งเสือหุบปากและเสืออ้าปากเขี้ยวต้องกลวงมีทั้งแบ่งทำได้ถึง 5 ตัวตัวเล็กเรียกเสือสาริกา เป็นปลายเขี้ยวส่วนใหญ่พบว่าเป็น ของขลัง ที่คนโบราณนิยมเลี้ยงไว้ในตลับสีผึ้งทาปาก แล้วจะเกิดเมตตา มหานิยม มีแต่คนรักคนหลง มีเสน่ห์
หลวงพ่อปานเกจิอาจารย์ ผู้ปลุกเสกเขี้ยวเสือด้วย อาคม อิทธิฤทธิ์
ทีนี้เรามาพูดถึงวิธีการดูของท่านหลวงพ่อปาน ท่านอาจารย์มีทั้งหางตั้งขึ้นและลง ที่ขาหน้าค่อนไปทางด้านบนและลงอักขระคล้ายเลข 3 หรือเลข 7 กับยักษ์หางลากยาวหน่อยตรงสีข้างสวนใต้ฐานท่านจะจารยันต์กอหญ้าถ้าเป็นเสือตัวใหญ่หน่อยท่านจะลงยันต์กอหญ้า 2 ตัวตรงข้ามกันและลงตัว ฤฤา พร้อมตัวอุณาโลมบางตัวมีรอยขีด 2 เส้นขนานกันดูให้ดีจะเห็นเป็นเส้นลึกและคมชัดนอกจากนี้ต้องดูความเก่าของเขี้ยวให้เป็นคือต้องแห้งเป็นธรรมชาติวรรณะเหลืองใส มีรอยเขี้ยวโบราณเรียกว่าเสือขึ้นขน
เห็นเป็นเส้นเล็กๆอาจมีรอยแตกหักผ่านการใช้งานมาสีจะยิ่งเข้มขลัง เขี้ยวเสือหลวงพ่อปานวัดบางเหี้ย นั้นมีพุทธคุณลือเลื่อง ทั้งเมตตามหานิยมโชคลาภ และมหาอำนาจ เมื่อครั้งมีการสร้างเขื่อนพระยาไชยานุภาพที่คลองด่าน เพื่อกันกระแสน้ำทะเลเพื่อไม่ให้ท่วมเรือกสวนไร่นาชาวบ้าน โดยกรมชลประทาน เมื่อคราวล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เล่ากันว่าหลวงพ่อปานนำใช้เอาเนื้อหมูผูกเชือกหย่อนลงน้ำ บริกรรมพระคาถาจนเขี้ยวเสือติดชิ้นหมูขึ้นมาต่อหน้าพระพักตร์ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงศรัทธาหลวงพ่อปานมาก
จึงโปรดเกล้าให้แต่งตั้งเป็นพระครูนิโรธสมาจารย์ และทรงเรียกเป็นส่วนพระองค์ว่าพระครูปาน มีปรากฏในพระราชเลขาว่า พระครูปานมาหาด้วยพระครูบารูปนี้เป็นที่นิยมกันในทางวิปัสสนาและธุดงควัตร คุณวิเศษที่คนนับถือคือให้ลงตะกรุดด้ายผูกข้อมือรดน้ำมนต์ที่นิยมกันมากนั่นคือลูกเสือแกะด้วยเขี้ยวเสือเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ปัจจุบันสนนราคากันตั้งแต่หลักแสนบาทจนถึงหลักล้านบาทเลยก็มีนับเป็นเครื่องรางวัตถุปลุกเสกขลังๆอันดับต้นๆของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ แต่ความศักดิ์สิทธิ์ ของเขี้ยวเสือท่านยังเล่าขานกันสืบมา